October 24, 2018

วิธีลดค่าใช้จ่ายห้องปลอดเชื้อโดยใช้พลังงานน้อยลง​

ห้องปลอดเชื้อคือส่วนสำคัญของห้องปฏิบัติการและวงการชิ้นส่วนไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตสารกึ่งตัวนำ เพื่อตรวจสอบและรักษาคุณภาพ จึงมีมาตรฐานเฉพาะเพื่อปฏิบัติตามและนำทางในขั้นตอนของการก่อสร้างและใช้งานห้องปลอดเชื้อ แม้ว่าการยึดถือกับความต้องการเหล่านี้ทำให้การออกแบบและก่อสร้างห้องปลอดเชื้อนั้นซับซ้อนกว่าการก่อสร้างทั่วไป แต่มาตรฐานจะเป็นแนวทางสู่ความสำเร็จของห้องปลอดเชื้อที่จะตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานจริง

ที่ผ่านมา การรักษาห้องปลอดเชื้อให้สะอาดนั้น ย่อมเกี่ยวข้องกับการลงทุนพลังงานมากมายเพื่อใช้งานพัดลมและทำความร้อน การถ่ายเทและระบบปรับอากาศ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น วิศวกรรมศาสตร์มีกลวิธีเพื่อลดความต้องการพลังงานของห้องปลอดเชื้อโดยที่ยังคงมาตรฐานความสะอาดไว้ กลวิธีเหล่านี้จะลดราคาของการทำงานห้องปลอดเชื้อส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ในขณะที่ทุกๆห้องปลอดเชื้อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการผลิต เพียงไม่กี่ห้องอย่างการสร้างสารกึ่งตัวนำ, เภสัชกรรม, และอุปกรณ์การแพทย์เท่านั้นที่จำเป็นต้องรักษามาตรฐานสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ห้องปลอดเชื้อส่วนใหญ่ต้องการเพียงมาตรฐานที่ต่ำกว่า ห้องปลอดเชื้อเหล่านี้สามารถลดค่าใช้จ่ายพลังงานและการซ่อมบำรุงได้เป็นอย่างมาก ด้วยการผสมผสานบางส่วนของ 4 กลวิธีต่อไปนี้หรือทั้งหมด

▪       ออกแบบห้องปลอดเชื้อบริเวณพัดลมกรองอากาศ
▪       ลดจำนวนการเปลี่ยนอากาศ
▪       ใช้งานพัดลมและอุปกรณ์อื่นๆแบบสลับกัน เพื่อลดการเสียหายและสึกหรอ
▪       รวบรวมการออกแบบคุณสมบัติห้องปลอดเชื้อที่ชดเชยปัจจัยในการดำเนินงานซึ่งเพิ่มการใช้พลังงาน

ลดการใช้พลังงานด้วยพัดลมกรองอากาศกระแสตรง
‍ห้องปลอดเชื้อซึ่งออกแบบให้มีมาตรฐานความสะอาดเพียงระดับต่ำถึงปานกลางมักใช้พัดลมกรองอากาศเพื่อนำอากาศจากภายนอกเข้าสู่ห้อง กรองสิ่งปนเปื้อน หมุนเวียนอากาศภายในห้อง และเปลี่ยนอากาศ พัดลมกรองอากาศอาจใช้มอเตอร์กระแสสลับ (AC) หรือกระแสตรง (DC) พัดลมกรองอากาศ AC ใช้พลังงานเป็นสองเท่าของพัดลม DC สำหรับห้องปลอดเชื้อขนาดใหญ่ที่มีพัดลมกรองอากาศตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป การใช้ DC นั้นจะลดค่าไฟฟ้าที่ปกติแล้วจะถูกใช้โดย AC

การลดระดับห้องปลอดเชื้อหมายความว่าอย่างไร ?
‍การลดระดับห้องปลอดเชื้อหมายถึง ลดความถี่ของการเปลี่ยนอากาศในห้องนั้น เมื่อพัดลมกรองอากาศเปลี่ยนอากาศในห้องนั้น เกิดการดึงเอาอากาศที่มีอยู่ในห้องออกสู่ภายนอก พร้อมกับอนุภาคปนเปื้อนต่างๆซึ่งอาจเล็ดลอดเข้ามาเมื่อคนงานเปิดและปิดประตูหรือเข้าออก ต่อมาก็เติมอากาศที่สะอาด ผ่านการกรองมาใหม่ๆเข้าสู่ห้อง ยิ่งมีการเปลี่ยนอากาศบ่อย ห้องปลอดเชื้อก็ยิ่งสะอาดมาก มาตรฐานของห้องปลอดเชื้อนั้นมีการตรวจวัดปริมาณอนุภาคอยู่เสมอ หากการตรวจวัดมีผลไม่เกินค่ามาตรฐาน อาจเป็นไปได้ที่จะลดจำนวนการเปลี่ยนอากาศ ซึ่งนั่นสามารถประหยัดได้เป็นอย่างมาก

ในขณะที่การออกแบบนั้นสำคัญต่อการควบคุมราคาและรับประกันสภาพแวดล้อมห้องปลอดเชื้อ ขั้นตอนการปฏิบัติงานก็ออกแบบมาเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและทำให้มั่นใจว่าอุปกรณ์นั้นสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการฝึกพนักงานในกระบวนการต่างๆอย่างเคร่งครัด การบริหารอย่างเข้มงวด และบางครั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เป้าหมายการผลิตที่มีเหตุผลซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน

แหล่งที่มา :
‍https://www.ecnmag.com/article/2016/07/how-reduce-cleanroom-costs-using-less-energy
‍ https://www.rdmag.com/article/2016/10/applying-design-and-construction-standards-successfully-build-cleanroom

08-cleanairproduct.co.th